วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

How to สูตร วิธีทำ ขนมถ้วย ใบเตย กะทิ สูตรขนมหวาน สูตร ขนมไทย บ้านฟินฟิน finfincooking barnfinfin ขนมหวาน ขนมง่าย ๆ ขนมถ้วยใบเตย





ส่วนผสม / ingredients สูตรสำหรับ 60 ถ้วย ++

ตัวขนม
  1. แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม / 120 g. Rice flour.
  2. แป้งมันสำปะหลัง 20 กรัม / 20 g. Tapioca Starch.
  3. แป้งถั่วเขียว 10 กรัม / 10 g. Mung bean Starch
  4. น้ำตาลมะพร้าว 240 กรัม / 240 g. Coconut Palm Sugar.
  5. น้ำใบเตย 650 มิลลิลิตร 650 ml. Pandan Juice.
    * ได้จากการปั่นใบเตยแก่ 60 กรัม กับน้ำ 650 มิลลิลิตร 

    * ตัวขนมเจี๊ยบจะไม่ใส่กะทินะคะ ถ้าใครชอบก็ใส่กะทิไปด้วยก็ได้ค่ะ
    * ใช้แป้งข้าวเจ้าอย่างเดียว 150 กรัม ได้ค่ะ ไม่ใช้แป้งมันสำปะหลังและแป้งถั่วเขียวก็ได้ 
    * แป้งมันใส่ให้ตัวขนมเหนียวและใสขึ้นนิดหน่อยค่ะ
    * แป้งถั่วเขียวใส่ให้ตัวขนมคงตัวค่ะ
    * ทั้งแป้งมันและแป้งถั่วเขียวไม่แนะนำให้ใส่เยอะกว่านี้นะคะ เพราะจะทำให้ตัวขนมเหนียวไปค่ะ 
    * ใช้น้ำตาลชนิดอื่นได้ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ได้หมดค่ะ แต่น้ำตาลมะพร้าวก็จะหวานหอมอร่อยกว่า
    * หากใช้น้ำตาลทราย ส่วนผสมก็จะละลายเข้ากันง่าย แต่หากใช้น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลมะพร้าว บางเจ้า (บางยี่ห้อ) อาจจะละลายยากหน่อย หากนวดผสมกันแล้วน้ำตาลละลายช้าจับกันเป็นก้อน ให้นำไปกรองแล้วขยี้ในกระชอนนะคะ จะช่วยได้

กะทิ หน้าขนม
  1. แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม / 100 g. Rice flour.
  2. น้ำตาลทราย 60 กรัม / 60 g. Sugar.
  3. เกลือสมุทร 10 กรัม / 10 g. Sea Salt.  (เค็มกำลังดี หากใส่เยอะกว่านี้ จะเค็มไปนะคะ ลดลงได้ หากไม่ชอบหน้าขนมเค็ม ๆ หรือหากใช้เกลือชนิดอื่นก็อาจจะต้องลดลงค่ะ ไม่งั้นจะเค็มไป ใช้แค่ 5 กรัมก็ได้ค่ะ ) 
  4. กะทิ 1000 มิลลิลิตร / 1000 g. Coconut Milk.
    * ได้จากการคั้น มะพร้าวขูด 900 กรัม กับน้ำอุ่น 1000 มิลลิลิตร 
    *  หน้าขนมเจี๊ยบจะไม่ใส่ แป้งมัน และแป้งถั่วเขียวนะคะ ไม่อยากให้หน้ากะทิเหนียวและคงตัวค่ะ อยากให้หน้ากะทิแตกฟูหน่อย ๆ ค่ะ 
    * ไม่ใส่น้ำตาลทรายก็ได้ค่ะ แต่ต้องลดปริมาณเกลือลงนะคะ ไม่งั้นจะเค็มไป 


  • ขั้นตอนการเตรียม
  • ปอกมะพร้าวทึนทึก ขูดเอาแต่เนื้อ ปั่นหรือคั้น กับ น้ำอุ่น เพื่อให้ได้น้ำกะทิ ของเจี๊ยบ ได้จากการคั้น มะพร้าวขูด 900 กรัม กับน้ำอุ่น 1000 มิลลิลิตร
  • ปั่นน้ำใบเตย ของเจี๊ยบใช้ใบเตยแก่ 60 กรัม ปั่นกับน้ำสะอาด 650 มิลลิลิตร

  • ขั้นตอนการทำ
  • ตัวขนม 
  • เตรียมอ่างผสม ร่อนแป้งถั่วเขียว แป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าวเจ้า **
  • ใส่น้ำใบเตยก่อนเล็กน้อย ประมาณ 120 มิลลิลิตร เพื่อนวดแป้ง
  • นวดแป้งนาน 10 นาที เพื่อให้ตัวขนมเหนียว แน่น และนุ่ม (แป้งไม่แตกกระจายเวลานึ่งไฟแรง)
  • นวดแป้งเสร็จแล้วใส่น้ำตาลมะพร้าว  และน้ำใบเตยที่เหลือ จากนั้นขยำๆ น้ำตาลทราย และคนผสมกันจนกว่าน้ำตาลทรายจะละลายหมด เสร็จแล้วพักไว้

    ** การร่อนแป้งจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันง่ายแป้งไม่จับกันเป็นก้อน

  • หน้าขนม 
  • ร่อนแป้งข้าวเจ้าใส่ในน้ำกะทิที่คั้นไว้ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือสมุทร คนผสมให้เข้ากันแล้วพักไว้ (การร่อนแป้งจะทำให้ คนผสมกับกะทิได้ง่ายขึ้น แป้งไม่จับกันเป็นก้อน) 


  • ขั้นตอนการนึ่ง
  • นำถ้วยพิมพ์ขนม เรียงใส่ซึ้ง แล้วนำไปนึ่งไฟแรง (น้ำเดือด) ให้ถ้วยขนมร้อน
  • จากนั้นเปิดฝาซึ้ง แล้วลดไฟลง เพื่อหยอดตัวขนม  (หากไม่ลดไฟลง เวลาหยอดแป้งไอน้ำร้อนจะพุ่งใส่มือนะคะ ลดไฟลงก่อนค่ะ) 
  • ก่อนหยอดแป้งขนม คนแป้งให้เข้ากันก่อนนะคะ แป้งจะตกตะกอนนอนก้นอยู่ 
  • หยอดแป้งขนมลงในถ้วยแค่ครึ่งถ้วย ไม่ต้องหยอดเต็มถ้วย 
  • หยอดแป้งขนมเสร็จแล้ว ปิดฝาซึ้ง เร่งไฟขึ้นขึ้นสุด แรงสุด นึ่งขนมไฟแรง 8-10 นาที หรือจนกว่าแป้งขนมจะสุก  (ย้ำว่าต้องเป็นไฟแรงมากนะคะ เพื่อให้ตัวขนมขึ้นฟู จะทำให้แป้งขนมนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง สังเกตุได้จากตอนนึ่งแป้งขนมจะฟูขึ้น แต่ไม่แตกกระจาย เนื่องจากเราได้ทำการนวดแป้งนานถึง 10 นาที ช่วยให้ตัวขนมไม่แตกกระจายตอนนึ่ง แค่ฟูขึ้นค่ะ หลังจากนึ่งจนฟู หรือครบ 8-10 นาทีแล้ว เปิดฝาซึ้ง แป้งจะยุบตัวลง หน้าแป้งจะขรุขระ แบบในภาพด้านล่างนะคะ หากนึ่งแป้งแล้วแป้งไม่ขึ้นฟู หน้าแป้งไม่ขรุขระ ยังดูเรียบเนียน แสดงว่าใช้ไฟอ่อนไปค่ะ ตัวแป้งขนมจะแข็ง จะด้าน ไม่เหนียวนุ่ม นะคะ )
ตอนนึ่งต้องใช้ไฟแรงมากเพื่อให้ขนมขึ้นฟูนะคะ ฟูแบบพองขึ้นมาเลยค่ะ ในภาพอาจจะมองไม่ชัด จะสังเกตเห็นว่าแป้งตรงกลางของถ้วยจะพองฟูขึ้นมาเลย พอนึ่งได้ที่และลดไฟลงแล้วจะยุบลงได้หน้าแป้งขรุขระแบบภาพด้านล่าง  หากแป้งไม่ฟูจะทำให้แป้งแข็งกระด้าง ไม่อร่อยนะคะ  และตอนนึ่งไฟแรงนี่แหละค่ะ จะทำให้รู้ว่า เรานวดแป้งนานมากพอมั๊ย หากเราไม่นวดแป้ง หรือ นวดแป้งไม่นานพอ ตอนนึ่งไฟแรงแป้งจะแตกกระจาย เวลาหยอดหน้ากะทิลงไปแล้ว ตัวแป้งขนมอาจจะไหลรวมกันกับหน้ากทิ    (สำคัญมาก นวดแป้งนาน ๆ และ นึ่งไฟแรงมากเพื่อให้ขนมนุ่มฟู) 



แป้งที่นึ่งจนขึ้นฟูแล้ว พอเปิดฝาซึ้ง แป้งจะยุบลงได้ลักษณะแบบนี้ นะคะ หน้าต้องขรุขระ ไม่เรียบเนียน หากแป้งยังเรียบเนียน แสดงว่าขนมไม่ขึ้นฟู เนื่องจากการใช้ไฟอ่อนไปค่ะ  จะทำให้ตัวขนมแข็งกระด้าง ไม่เหนียวนุ่มนะคะ 


  • หลังจากนึ่งตัวขนมได้แล้ว ลดไฟลงเพื่อหยอดหน้ากะทิ  (หากไม่ลดไฟลง เวลาหยอดแป้งไอน้ำร้อนจะพุ่งใส่มือนะคะ ลดไฟลงก่อนค่ะ) 
  • หยอดกะทิให้เสมอขอบถ้วย
  • หยอดกะทิเสร็จแล้ว ปิดฝาซึ้ง เร่งไฟให้แรงขึ้น นึ่งไฟแรง 8-10 นาที หรือจนกว่ากะทิจะสุก (นึ่งเสร็จแล้วหน้ากะทิจะต้องแตก ขรุขระแบบในภาพด้านล่างนะคะ หากหน้ากะทิยังเนียนอยู่ แสดงว่าใช้ไฟอ่อนไปในการนึ่งค่ะ) 
  • นึ่งเสร็จแล้วพักขนมไว้ให้เย็น จะทำให้แกะออกจากพิมพ์ได้ง่าย ค่ะ


คลิปวิดีโอ วิธีการทำ



สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ


วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

How to สูตร วิธีทำ ขนมฟักทอง มะพร้าว ขนมไทย ของหวาน ของว่าง ไทย ๆ สูตร อาหาร คาว หวาน บ้านฟินฟิน finfincooking

ขนมฟักทอง

*   มีคลิปวิดีโอวิธีการทำ อยู่ด้านล่างนะคะ 


ส่วนผสม / ingredients ในสูตรใช้พิมพ์ซิลิโคน ขนาด 5 เซนติเมตร ทำได้ทั้งหมด 28 ชิ้นค่ะ
  1. ฟักทอง 300 กรัม / 300 g. Pumpkin.
  2. กะทิ  250 มิลลิลิตร / 250 ml. Coconut Milk.
  3. แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม / 100 g. Rice Flour.
  4. แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม / 100 g. Tapioca Starch.
  5. แป้งถั่วเขียว 10 กรัม / 10 g. Mung bean Starch.
  6. น้ำตาลมะพร้าว 120 กรัม / 120 g. Palm Sugar.
  7. เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา / 1/2 tsp. Sea Salt.
  8. มะพร้าวทึนทึกขูด 100 กรัม / 100 g. Grated coconut.

  9. ใบเตย สำหรับนึ่ง  /  Pandan leaves for steaming
  10. น้ำสะอาด สำหรับนึ่ง / Water for steaming.

    * ใช้แค่แป้งข้าวเจ้ากับแป้งปันก็ได้ค่ะ ไม่ใช้แป้งถั่วเขียวก็ได้
    * แป้งมันใส่ให้ตัวขนมเหนียวและดูใสขึ้น
    * แป้งถั่วเขียวใส่ให้ตัวขนมคงตัวค่ะ
    * ใช้น้ำตาลชนิดอื่นได้ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ได้หมดค่ะ แต่น้ำตาลมะพร้าวก็จะหวานหอมอร่อยกว่า
    * หากใช้น้ำตาลทราย ส่วนผสมก็จะละลายเข้ากันง่าย แต่หากใช้น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลมะพร้าว บางเจ้า (บางยี่ห้อ) อาจจะละลายยากหน่อย หากนวดผสมกันแล้วน้ำตาลละลายช้าจับกันเป็นก้อน ให้นำไปกรองแล้วขยี้ในกระชอนนะคะ จะช่วยได้ กรองแล้วค่อยนำมาผสมกับมะพร้าวค่ะ 
มะพร้าวสำหรับโรยหน้า
  1. มะพร้าวทึนทึกขูด 150 กรัม / 150 g. Grated coconut.
  2. เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา / 1/4 tsp. Sea Salt.

ขั้นตอนการทำ
  • ปอกฟักทอง หั่นเป็นชิ้น แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปนึ่งให้สุก หลังจากนึ่งสุกแล้วนำมาบดให้ละเอียด
  • เตรียมชามผสม ใส่ฟักทอง ใส่แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว นวดผสมให้เข้ากัน **
  • จากนั้นใส่หัวกะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือ แล้วนวดผสมให้น้ำตาลละลาย 
  • ใส่มะพร้าวทึนทึกขูด คนผสมให้เข้ากัน 
  • ตักใส่พิมพ์ แล้วนำไปนึ่งไฟแรง (น้ำเดือด) 20 นาที หรือจนกว่าขนมจะสุก
  • เมื่อขนมสุกแล้ว นำออกจากซึ้งมาพักไว้ให้เย็น แล้วค่อยแกะออกจากพิมพ์ การพักไว้ให้เย็นจะทำให้ขนมจับตัว และแกะออกจากพิมพ์ง่ายขึ้นคะ

    ** แป้งควรร่อนก่อนนะคะ จะทำให้คนผสมกันได้ง่ายขึ้น แป้งไม่เป็นก้อน หรือหากเป็นก้อน แป้งไม่ละลาย นำใส่กระชอนกรองก่อน นะคะ ค่อยใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไป 

คลิปวิดีโอ วิธีการทำ


สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ 
:













How to สูตร วิธีทำ แซนวิช โบราณ ง่าย ๆ แซนวิชหวาน แซนวิชง่ายๆ แซนวิช หมูหยอง แซนวิชเปรี้ยวหวาน แซนวิชโบโลน่า แซนวิชไส้กรอก หมูหยอง แซนวิช ตอนเช้า แซนวิช อร่อย ๆ สูตรอาหาร บ้านฟินฟิน finfincooking barnfinfin


  แซนวิชโบราณ
( แซนวิชหวาน )

มีคลิปวิดีโอการทำด้านล่างนะคะ




ส่วนผสม
 
 / 
Ingredients (ในสูตรทำได้ประมาณ 8 ชิ้น)
  1. ขนมปังแผ่น (ขนมปังปอนด์ ขนมปังหัวกะโหลก / Sliced Soft Bread.
  2. โบโลน่า / Bologna Sausage.
  3. หมูหยอง / Dried Shredded pork.
น้ำสลัด
  1. มายองเนส 200 กรัม  / 200 g. ayonnaise
  2. นมข้นหวาน 100 กรัม / 100 g. Sweetened Condensed Milk.
  3. พริกไทยขาวป่น 1/4 ช้อนชา / 1/4 tsp. Ground White pepper.
  4. สีผสมอาหารสีเหลืองไข่ 1/2 ช้อนชา / 1/2 tsp. Egg Yellow Food Colour.

    * รสชาติขึ้นอยู่กับ มายองเนส และ นมข้นหวานที่ใช้ด้วยนะคะ ทดสอบรสชาติ โดยผสมมายองเนส 1 ช้อนโต๊ะ กับ นมข้นหวาน 1/2 ช้อนโต๊ะแล้วชิมรสดูก่อน จากนั้น ค่อย ปรับลด เพิ่ม มายองเนส และนมข้นหวาน ตามความชอบ น้ำสลัดแซนวิชโบราณ จะออกรส เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ

วิธีทำ
  • เตรียมชามหรืออ่างผสม ทำน้ำสลัด ใส่ มายองเนส นมข้นหวาน พริกไทยขาวป่น สีผสมอาหาร คนผสมให้เข้ากัน (หากชอบสีเข้ม ๆ เพิ่มสีผสมอาหารได้ตามชอบนะคะ) 
  • อุ่นร้อนโบโลน่าด้วยการนึ่ง ต้ม หรือเข้าไมโครเวฟ ตามสะดวกนะคะ
  • นำน้ำสลัดที่ทำไว้ มาทาที่ขนมปังแผ่นแรก ด้านนึง แล้ววางโบโลน่าลงไป บนด้านที่ทาน้ำสลัด
  • นำน้ำสลัดมาทาที่ขนมปังแผ่น ที่สอง ด้านนึง นำด้านที่ทา วางประกบลงบนขนมปังแผ่นแรกที่วางโบโลน่าไว้แล้ว จากนั้น นำน้ำสลัด มาทาที่ขนมปังอีกด้าน ทาเสร็จแล้ว วางหมูหยองลงไป
  • นำน้ำสลัดมาทาที่ขนมปังแผ่นที่ 3 ด้านนึง นำด้านที่ทา วางประกบลงบนขนมปังแผ่นที่สอง ที่วางหมูหยองไว้แล้ว จากนั้น นำน้ำสลัด มาทาที่ขนมปังอีกด้าน ทาเสร็จแล้ว วางโบโลน่าลงไป
  • นำน้ำสลัดมาทาที่ขนมผังแผ่นที่ 4  ด้านนึง นำด้านที่ทา วางประกบลงบนขนมปังแผ่นที่ 3 ที่วางโบโลน่าไว้แล้ว
  • ตัดแบ่งครึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยม รับประทานได้ หรือจัดใส่กล่องแซนวิช เก็บไว้ 


คลิปวิดีโอ วิธีการทำ



สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ 
:








วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

How to สูตร วิธีทำ แซนวิช โบราณ แซนวิช หมูหยอง แซนวิชเปรี้ยวหวาน แซนวิชโบโลน่า แซนวิชไส้กรอก หมูหยอง แซนวิช ตอนเช้า แซนวิช อร่อย ๆ สูตรอาหาร บ้านฟินฟิน finfincooking barnfinfin

 แซนวิชโบราณ

( แซนวิชหวาน )

มีคลิปวิดีโอการทำด้านล่างนะคะ





ส่วนผสม
 
 / 
Ingredients (ในสูตรทำได้ประมาณ 12 ชิ้น)
  1. ขนมปังแผ่น (ขนมปังปอนด์ ขนมปังหัวกะโหลก / Sliced Soft Bread.
  2. โบโลน่า / Bologna Sausage.
  3. หมูหยอง / Dried Shredded pork.
น้ำสลัด
  1. น้ำตาลทราย 50 กรัม / 50 g. Sugar.
  2. ไข่แดง 30 กรัม / 30 g. Egg Yolk.
  3. ไข่ขาว 30 กรัม / 30 g. Egg White.
  4. นมข้นหวาน 200 กรัม / 200 g. Sweetened Condensed Milk.
  5. เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา / 1/2 tsp. Sea Salt.
  6. สีผสมอาหารสีเหลืองไข่ 1/2 ช้อนชา / 1/2 tsp. Egg Yellow Food Colour.
  7. พริกไทยขาวป่น 1/4 ช้อนชา / 1/4 tsp. Ground White pepper.
  8. น้ำส้มสายชูหมักข้าว 2 ช้อนโต๊ะ / 2 tbsp. Rice Vinegar.
  9. น้ำมันรำข้าว 150 มิลลิลิตร / 150 ml.  Rice bran oil.

    * น้ำมันช่วยให้ ตีไข่ขึ้นเป็นครีม ได้ง่าย น้ำจะสลัดจะมีความมัน เงา นุ่ม อร่อย และเก็บได้นานขึ้นค่ะ หากไม่ใส่น้ำมัน น้ำสลัดจะแห้งและแข็งนะคะ ใช้น้ำมันชนิดอื่นได้ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า แต่รสชาติและกลิ่นอาจจะแตกต่างกันไปเล็กน้อยตามชนิดของน้ำมัน

    * เจี๊ยบมักจะทำเป็นแซนวิชใส่กล่อง ใส่ตู้เย็นไว้ทาน ทั้งสัปดาห์ วันที่ 7 ของสัปดาห์ ยังทานได้ปกติ ไม่เสียค่ะ  ลองดูนะคะ เผื่อชอบเหมือนกัน เพิ่มรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ได้ตามชอบนะคะ หากชิมแล้วยังไม่ถูกใจ

วิธีทำ
  • เตรียมชามหรืออ่างผสม 
  • นำ น้ำตาลทราย ไข่แดง ไข่ขาว ใส่ชาม ตีให้เข้ากัน ให้น้ำตาลทรายละลาย
  • ใส่นมข้นหวาน เกลือป่น สีผสมอาหาร คนให้เข้ากัน แล้ว พักไว้
  • นำน้ำใส่หม้อ ต้มให้เดือด แล้วลดไฟลงใช้ไฟอ่อน นำอ่างผสม ขึ้นอังบนหม้อน้ำ เพื่อตุ๋นไข่ให้สุก ใช้ไฟอ่อนมาก ๆ ในการตุ๋น ระหว่างตุ๋น คนตลอด เพื่อไม่ให้ไข่สุกจับกันเป็นก้อน เจี๊ยบใช้เวลาตุ๋น 20 นาที จากนั้นปิดไฟเตายกลง
  • ใส่พริกไทยป่น น้ำส้มสายชู  และน้ำมัน ค่อย ๆ เทน้ำมัน เทไป ตีไปเรื่อย ๆ ค่ะ  จะทำให้ได้น้ำสลัดเป็นครีมมัน เงา นุ่ม พร้อมทา (แต่หากเทลงไปทีเดียวจะทำให้เนื้อครีมเหลวนะคะ แต่ไม่เป็นไร เทลงคนให้เข้ากันแล้วพักไว้ซักพัก แล้วคนอีกรอบเนื้อครีมก็จะกลับมาข้นเป็นครีเหมือนเดิม)
  • อุ่นร้อนโบโลน่าด้วยการนึ่ง ต้ม หรือเข้าไมโครเวฟ ตามสะดวกนะคะ
  • นำน้ำสลัดที่ทำไว้ มาทาที่ขนมปังแผ่นแรก ด้านนึง แล้ววางโบโลน่าลงไป บนด้านที่ทาน้ำสลัด
  • นำน้ำสลัดมาทาที่ขนมปังแผ่น ที่สอง ด้านนึง นำด้านที่ทา วางประกบลงบนขนมปังแผ่นแรกที่วางโบโลน่าไว้แล้ว จากนั้น นำน้ำสลัด มาทาที่ขนมปังอีกด้าน ทาเสร็จแล้ว วางหมูหยองลงไป
  • นำน้ำสลัดมาทาที่ขนมปังแผ่นที่ 3 ด้านนึง นำด้านที่ทา วางประกบลงบนขนมปังแผ่นที่สอง ที่วางหมูหยองไว้แล้ว จากนั้น นำน้ำสลัด มาทาที่ขนมปังอีกด้าน ทาเสร็จแล้ว วางโบโลน่าลงไป
  • นำน้ำสลัดมาทาที่ขนมผังแผ่นที่ 4  ด้านนึง นำด้านที่ทา วางประกบลงบนขนมปังแผ่นที่ 3 ที่วางโบโลน่าไว้แล้ว
  • ตัดแบ่งครึ่งเป็นรูปสามเหลี่ยม รับประทานได้ หรือจัดใส่กล่องแซนวิช เก็บไว้ 


คลิปวิดีโอ วิธีการทำ




สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ 
:









How to สูตร วิธีทำ ซุปหน่อไม้ ลาบหน่อไม้ อาหารอีสาน เมนูหน่อไม้ สูตรอาหาร บ้านฟินฟิน finfincooking

   ซุปหน่อไม้ (ลาบหน่อไม้)

*   มีคลิปวิดีโอวิธีการทำ อยู่ด้านล่างนะคะ 



ส่วนผสม / ingredients 

1. หน่อไม้ต้มขูดเส้น 300 กรัม300 g. Boiled Bamboo shoots.
2. น้ำใบย่านาง 800 มิลลิลิตร/
800 ml. Yanang leaf juice.  (ใช้ต้มหน่อไม้) 
3. น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ1 tbsp. Fermented fish sauce.
4. หอมแดง 50 กรัม 50 g.  Shallots.
5. ผักชีฝรั่ง 10 กรัม / 10 g. Culantro.
6. ต้นหอม 15 กรัม  / 15 g. Green onion.
7. สะระแหน่ 10 กรัม 
/ 10 g. Mint. 
8. พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ / 1/2 tbsp. Ground Chili.
9. ข้าวคั่ว1 ช้อนโต๊ะ /  1 tbsp. Roasted ground rice.

  • น้ำใบย่านางของเจี๊ยบได้จาก การคั้น (ปั่น) ใบย่านาง 50 กรัม กับ น้ำสะอาด 800 มิลลิลิตร
  • เพิ่ม งาขาว  ผงชูรส น้ำมะนาว  ได้ตามชอบนะคะ ของเจี๊ยบวันนี้ปรุงแค่นี้ค่ะ
  • หากชอบน้ำเยอะ ๆ ฉ่ำ ๆ เพิ่มน้ำในย่านางไปได้อีกตามชอบ ของเจี๊ยบใช้น้ำ ใบย่านางต้มหน่อไม้เยอะหน่อย  แต่เวลาปรุง ไม่ได้ตักออกมาใส่เยอะค่ะ 



ขั้นตอนการทำ
  • ปั่นใบย่านางกับน้ำสะอาด แล้วกรองเอาแต่น้ำ (น้ำใบย่านางของเจี๊ยบได้จาก การคั้น (ปั่น) ใบย่านาง 50 กรัม กับ น้ำสะอาด 800 มิลลิลิตร )
  • ขูดหน่อไม้เป็นเส้น ๆ ด้วยวัสดุปลายแหลม เช่น ส้อม ไม่เสียบลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน   (หากใช้หน่อไม้ต้มแบบดองน้ำเกลือ ขูดเสร็จแล้วนำไปล้างในน้ำสะอาด ซัก 2-3 น้ำ จะช่วยลดความเค็มและลดกลิ่นของหน่อไม้ลงได้ค่ะ) 
  • ซอยผักชีฝรั่ง ต้นหอม หอมแดง
  • นำหน่อไม้ที่ขูดแล้วไปต้มกับน้ำใบย่านาง

  • เตรียมชามผสม
  • ใส่หน่อไม้ที่ต้มแล้วในชามผสม (หากชอบน้ำเยอะ ๆ ตักน้ำต้มใบย่านางเยอะ ๆ ได้ตามชอบ) 
  • ตามด้วย น้ำปลาร้า พริกป่น ข้าวคั่ว หอมแดงซอย ต้นหอมซอย ผักชีผรั่งซอย สะระแหน่ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จานจัดเสิร์ฟ ทาน กับผักสดตามชอบ

  • * ทางอีสานนิยมทานกับผักแพว (ผักไผ่) 
    * หากชอบรสเปรี้ยว สามารถเพิ่มน้ำมะนาวได้ตามชอบนะคะ หรือหากชอบหวาน จะตัดน้ำตาลหน่อยก็ได้ค่ะ ตามชอบเลยนะคะ ไม่มีสูตรตายตัว แต่ที่บ้านทางอีสานเอง คนเฒ่าคนแก่ทำ เค้าจะไม่ใส่ น้ำมะนาว หรือ น้ำตาล อาจเป็นเพราะ คนเฒ่าคนแก่ ไม่ทานเปรี้ยว หรือ ไม่ทานหวาน (ไม่น่าจะเกี่ยวกับว่าต้นตำรับไม่ใส่ น่าจะอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนมากกว่าค่ะ เพราะบางครั้งเจี๊ยบทำก็จะ ใส่มะนาวนิด น้ำตาลหน่อย ) 
    * การต้มหน่อไม้กับน้ำใบย่านาง คนเฒ่าคนแก่บอกว่า หน่อไม้มีฤิทธิ์ร้อนและมีกรดยูริกสูง ทานแล้วมักจะปวดขา เลยต้องต้มกับน้ำใยน่านางที่มีฤิทธิ์เย็น จะช่วยลดความร้อนหรือลดสารในหน่อไม้ได้  (เป็นความเชื่อนะคะ เจี๊ยบยังไม่เคยได้อ่านงานวิจัย) 
คลิปวิดีโอการทำ



สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ 
:






How to สูตร วิธีทำ ซุปหน่อไม้ อาหารอีสาน หน่อไม้ ทำอะไรกินดี เมนูวันนี้ สูตรอาหาร บ้านฟินฟิน finfincooking barnfinfin

    

ซุปหน่อไม้

*   มีคลิปวิดีโอวิธีการทำ อยู่ด้านล่างนะคะ




ส่วนผสม /Ingredients

  1. หน่อไม้ต้ม 300 กรัม / 300 g. Boiled Bamboo shoots.
  2. พริกกะเหรี่ยง 30 กรัม / 30 g. Tabasco pepper. 
  3. หอมแดง 35 กรัม / 35 g. Shallots.
  4. กระเทียม 30 กรัม / 30 g. Garlic.
  5. ผักชีฝรั่ง 10 กรัม / 10 g. Culantro.
  6. ต้นหอมซอย 10 กรัม / 10 g. Green onion.
  7. ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ /  1 tbsp. Roasted ground rice.
  8. น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ / 1 tbsp. Fermented fish sauce.
  9. น้ำใบย่านาง 1000 มิลลิลิตร / 1000 ml. Yanang leaf juice.  (ใช้ต้มหน่อไม้) 

    * น้ำใบย่านางของเจี๊ยบได้จาก การคั้น (ปั่น) ใบย่านาง 50 กรัม กับ น้ำสะอาด 1000 มิลลิลิตร
    * เพิ่ม งาขาว  ผงชูรส  น้ำปลา  น้ำมะนาว  ได้ตามแต่ชอบ เลยค่ะ ของเจี๊ยบวันนี้ปรุงแค่นี้นะคะ
    * หากชอบน้ำเยอะ ๆ ฉ่ำ ๆ ตอนโขลกผสม เพิ่มน้ำในย่านางไปได้อีก ตามชอบนะคะ ของเจี๊ยบใช้น้ำ     ใบย่านางต้มหน่อไม้เยอะหน่อย  แต่เวลาปรุง ไม่ได้ตักออกมาเยอะใส่เยอะค่ะ
    * หากชอบรสเปรี้ยว สามารถเพิ่มน้ำมะนาวได้ตามชอบนะคะ 

ขั้นตอนการทำ

  • ปั่นใบย่านางกับน้ำสะอาด แล้วกรองเอาแต่น้ำ (น้ำใบย่านางของเจี๊ยบได้จาก การคั้น (ปั่น) ใบย่านาง 50 กรัม กับ น้ำสะอาด 1000 มิลลิลิตร )
  • ขูดหน่อไม้เป็นเส้น ๆ ด้วยวัสดุปลายแหลม เช่น ส้อม ไม่เสียบลูกชิ้น ไม้จิ้มฟัน   (หากใช้หน่อไม้ต้มแบบดองน้ำเกลือ ขูดเสร็จแล้วนำไปล้างในน้ำสะอาด ซัก 2-3 น้ำ จะช่วยลดความเค็มและลดกลิ่นของหน่อไม้ลงได้ค่ะ) 
  • ซอยผักชีฝรั่ง ต้นหอม
  • นำหน่อไม้ที่ขูดแล้วไปต้มกับน้ำใบย่านาง
  • คั่วพริก หอมแดง กระเทียม 
  • โขลก พริก หอมแดง กระเทียม ให้แหลก
  • ใส่หน่อไม้ที่ต้มไว้ (หากชอบน้ำเยอะ ๆ ตักน้ำย่านางใส่เยอะ ๆ ได้ตามชอบนะคะ )
  • ตามด้วยน้ำปลาร้า ข้าวคั่ว ผักชีฝรั่ง ต้นหอมซอย โขลกให้เข้ากัน ตักจัดเสิร์ฟ กับผักสดตามชอบ  

    * ทางอีสานนิยมทานกับผักแพว (ผักไผ่) 
    * หากชอบรสเปรี้ยว สามารถเพิ่มน้ำมะนาวได้ตามชอบนะคะ หรือหากชอบหวาน จะตัดน้ำตาลหน่อยก็ได้ค่ะ ตามชอบเลยนะคะ ไม่มีสูตรตายตัว แต่ที่บ้านทางอีสานเอง คนเฒ่าคนแก่ทำ เค้าจะไม่ใส่ น้ำมะนาว หรือ น้ำตาล อาจเป็นเพราะ คนเฒ่าคนแก่ ไม่ทานเปรี้ยว หรือ ไม่ทานหวาน (ไม่น่าจะเกี่ยวกับว่าต้นตำรับไม่ใส่ น่าจะอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนมากกว่าค่ะ เพราะบางครั้งเจี๊ยบทำก็จะ ใส่มะนาวนิด น้ำตาลหน่อย ) 
    * การต้มหน่อไม้กับน้ำใบย่านาง คนเฒ่าคนแก่บอกว่า หน่อไม้มีฤิทธิ์ร้อนและมีกรดยูริกสูง ทานแล้วมักจะปวดขา เลยต้องต้มกับน้ำใยน่านางที่มีฤิทธิ์เย็น จะช่วยลดความร้อนหรือลดสารในหน่อไม้ได้  (เป็นความเชื่อนะคะ เจี๊ยบยังไม่เคยได้อ่านงานวิจัย) 



คลิปวีดีโอ วิธีการทำ




สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ 
:

How to สูตร วิธีทำ ตำทุเรียน ตำทุเรียน แอปเปิ้ลเขียว ตำไทย ทุเรียน สูตรอาหาร บ้านฟินฟิน finfincooking barnfinfin ส้มตำ ตำผลไม้ ตำแซ่บ

ตำทุเรียน แอปเปิ้ลเขียว

*   มีคลิปวิดีโอวิธีการทำ อยู่ด้านล่างนะคะ 

ส่วนผสม / ingredients 

  1. ทุเรียนดิบ (แก่จัด)  200 กรัม / 200 g. Raw Durian - Mature.
  2. แอปเปิ้ลเขียว 50 กรัม / 50 g. Green Apple.
  3. มะเขือเทศราชินี  50 กรัม / 50 g. Cherry Tomato.
  4. มะเขือเทศสีดา  50 กรัม / 50 g. Seeda Tomato. 
  5. มะเขือเทศท้อ 100 กรัม / 100 g. Peach Tomato.
  6. พริกจินดาแห้ง 5 กรัม / 5 g. Dried Hot Chili.
  7. พริกจินดาสด 10 กรัม / 10 g. Red Hot Chili.
  8. น้ำปลาแท้ 2 ช้อนโต๊ะ / 2 tbsp. Premium Fish Sauce.
  9. น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ / 2 tbsp. Palm Sugar Syrup.
  10. น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ / 1 tbsp. Tamarind paste.
  11. น้ำมะนาว 1 ช้อนชา / 1 tsp. Lime juice.
  12. ถั่วลิสงคั่ว 30 กรัม / 30 g. Roasted Peanut.
  • รสชาติ เหมือน ตำไทยค่ะ ประมาณนั้น
  • ไม่ต้องกลัวท้องอืดค่ะ มะละกอดิบ มะม่วงดิบ แครอทดิบ ถั่วฝักยาวดิบ หรือ ผลไม้ดิบอื่น ๆ ก็อืด เหมือน ๆ กัน ความท้องอืดประมาณเดียวกันค่ะ :)
  • ใช้ทุเรียนแก่จัด นะคะ ไม่ใช่ทุเรียนอ่อน 
  • ใส่ผงชูรสเพิ่มได้ตามชอบนะคะ :)
  • อัตราส่วนพริกในคลิป ค่อนข้างเผ็ดมาก หากไม่ทานเผ็ดลดพริกลงนะคะ
  • ใส่แครอท ถั่วผักยาว เพิ่มได้ตามชอบนะคะ ของเจี๊ยบวันนนี้มีแค่นี้
  • ปรุง รส เปรี้ยว เค็มหวาน เพิ่มได้ตามชอบค่ะ หากชิมรสแล้วยังไม่ถูกใจ
  • น้ำเเชื่อมได้จากการต้มน้ำตาลมะพร้าว หรือ น้ำตาลปี๊บกับน้ำสะอาดในปริมาณเท่ากัน 1:1 
  • วันนี้ไม่ใส่กระเทียมค่ะ หากชอบใส่เพิ่มไปได้ตามชอบ



ขั้นตอนการทำ
  • ขั้นตอนการเตรียม
  • คั่วถั่วลิสง (หากใช้แบบสำเร็จรูปข้ามขั้นตอนนี้ไปค่ะ)
  • ซอย/ หั่น หรือสับ ทุเรียน และแอปเปิ้ล 
  • หั่นมะเขือเทศ   หรือ จะปั่นใส่ครกเลย ตอนตำก็ได้นะคะ 
  • หั่นมะนาว บีบมะนาว  หรือ จะบีบใส่ครกเลย ตอนตำก็ได้นะคะ 
  • ขั้นตอนการทำ
  • โขลก พริกทั้งพริกแห้งและพริกสดให้แหลก (วันนี้ไม่ใช้กระเทียมนะคะ หากชอบ ใส่เพิ่มไปได้)
  • จากนั้นใส่ถั่วลิสงคั่ว ลงโขลกพอแตก (ไม่ต้องละเอียดมาก)
  • ใส่น้ำเชื่อม น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำมะนาว มะเขือเทศทั้งหมด โขลกส่วนผสม ทั้งหมดให้เข้ากัน อย่างเบามือ
  • ใส่ทุเรียน และ แอปเปิ้ล คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จานจัดเสิร์ฟ


สามารถติดตามเจี๊ยบได้ทางช่องทางอื่น 
ตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ